วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา
ความรู้ทั่วไปบทความสุขภาพอาหาร

ความเชื่อผิดๆ ที่ทำร้าย ‘ร่างกายแข็งแรง’ ให้โรยราโดยไม่รู้ตัว

(นายฐาปนิก  ผาสุกะกุล)
นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา

การมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ นับว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่ทุกคนอยากมีไว้ครอบครอง เพราะร่างกายที่แข็งแรงส่งผลให้ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่ง ทำให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคธรรมดาที่มาเยือนแทบทุกฤดูกาลอย่างไข้หวัดแต่เพราะสมัยนี้เชื้อโรคมีการพัฒนาและปรับตัวเร็ว ทำให้สามารถมีชีวิตอยู่ในสภาพอากาศต่างๆ ได้นานขึ้น เมื่อโรคภัยใกล้ตัวกว่าที่คิด จึงเป็นหน้าที่ของเราผู้เป็นเจ้าของร่างกาย ในการดูแลตัวเองให้แข็งแรงพร้อมรับมือกับการพัฒนาของโรค หลายคนจึงตื่นตัวเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น แต่ท่ามกลางความตื่นตัวในการใส่ใจสุขภาพหลายคนยังยึดติดอยู่กับความเชื่อเดิมๆ ที่ทำให้ดูแลตัวเองแบบผิดๆ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง แทนที่ร่างกายจะแข็งแรงกลับกลายเป็นอ่อนแอลง ความเชื่อเหล่านี้มีอะไรบ้าง ลองไปดูกัน

ความเชื่อผิดๆ ที่ทำร้าย ‘ร่างกายแข็งแรง’ ให้โรยราโดยไม่รู้ตัว

1.กินแต่ผัก

แม้ในผักจะอุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ แต่การโหมทานแต่ผักอย่างเดียวจนเบียดเบียนอาหารประเภทอื่น ก็อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานหลักของร่างกาย ดังนั้นหากอยากมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง ควรเดินทางสายกลางด้วยการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน และเนื้อสัตว์ 1 ส่วน จะดีที่สุด

2.หักโหมออกกำลังกาย

หลายคนเชื่อว่าการออกกำลังกายหนักๆ เหงื่อออกมากๆ จะยิ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการออกกำลังกายที่มากเกินไป ร่างกายจะสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึง 20-30% ซึ่งโอเวอร์เกินที่ร่างกายจะกำจัดได้หมด ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อมเร็วขึ้นและเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้

3.ควบคุมแคลลอรีอย่างสุดโต่ง

การมีน้ำหนักที่สมส่วนจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หลายคนจึงพยายามควบคุมอาหารและแคลอรีให้น้อยเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดที่ทำให้ร่างกายพังได้ เพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมตัวเอง การควบคุมอาหารที่ดีคือควรคำนวณแคลอรีที่จำเป็นต่อการเผาผลาญของร่างกายต่อวัน ผ่านค่า Basal Metabolic Rate (BMR) โดยมีสูตรดังนี้
สูตรการคำนวณแคลอรีที่จำเป็นต่อการเผาพลาญของร่างกายต่อวัน
ผู้ชาย : BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัว กก.) + (5 x ส่วนสูง ซม.) – (6.8 x อายุ)
ผู้หญิง : BMR = 65 + (9.6 x น้ำหนักตัว กก.) + (1.8 x ส่วนสูง ซม.) – (4.7 x อายุ)

4.เก็บตัวอยู่แต่บ้าน ไม่กล้าออกไปสังสรรค์

ถึงแม้การลดการสังสรรค์จะเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ ส่งเสริมให้ร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ลดความเสี่ยงและห่างไกลจากโรค แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของการเก็บตัวอาจสร้างภาวะเครียดให้เพิ่มขึ้น อนุมูลอิสระในร่างกายก็สูงขึ้นตามมา ดังนั้นควรแบ่งเวลาในการออกไปข้างนอกพักผ่อนบ้าง เพื่อลดความเครียดและสุขภาพจิตที่ดี

5.ดื่มน้ำเยอะจนเกินพอดี

เคล็ดลับความงามและการดูแลสุขภาพที่ดี มักมีเรื่องของการดื่มน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ คนที่มีสุขภาพผิวและร่างกายดี มักจะดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำที่มากเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก โดยไม่ควรดื่มน้ำเกิน 3 ลิตรต่อวัน เพราะอาจทำให้เกลือและโซเดียมในเลือดลดต่ำกว่าปกติ เกิดภาวะน้ำเป็นพิษหรือน็อคน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

6.ลดความอ้วนอย่างไม่เหมาะสม

หลายคนรู้ว่าภาวะอ้วนเป็นศูนย์รวมของโรคต่างๆ จึงสรรหาวิธีลดความอ้วนเพื่อให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่การลดความอ้วนด้วยวิธีผิดๆ ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร ทานยาลดความอ้วน หรือการเลือกทานผิดวิธี สิ่งเหล่านี้เป็นผลให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเสื่อม ซึ่งนอกจากน้ำหนักจะไม่ลดแล้ว ยังทำให้ร่างกายเสียสมดุลด้วย เพราะฉะนั้นหากจะลดความอ้วนควรเลือกวิธีที่ไม่ส่งผลเสียกับสุขภาพจะดีที่สุด

7.กินผลไม้เยอะๆ จะได้สุขภาพดี

ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม ในผลไม้เกือบทุกชนิดก็ยังแฝงไปด้วยน้ำตาลที่สูงมาก เทียบเท่ากับปริมาณช้อนชาตั้งแต่ 1-5 ช้อนชาทีเดียว ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินความจำเป็น

ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน และยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เมื่อร่างกายแข็งแรงถูกบั่นทอนให้อ่อนแอลงด้วยความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ สิ่งที่ตามมาคือภูมิคุ้มกันจะเริ่มถดถอย เพราะอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันดียิ่งขึ้นด้วยการเติมสารต้านอนุมูลอิสระ

จัดสรรสิ่งดีๆ ให้กับร่างกาย ดื่มบียอนด์มากิ พลัส Super Antioxidant Drink ที่มีมากิเบอร์รีและซูเปอร์ฟรุตรวม 12 ชนิด

มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูงถึง 249,225 หน่วย/ขวด รวมถึงไฟโตนิวเทรียนท์หลากหลายชนิด ดื่มเพียง 25 มล. จะได้รับสารแอนตี้ออกซิแดนท์เทียบเท่าการทานมะนาว 250 ลูก กล้วย 40 ผล และมะเขือ 1.5 กก. ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ปรับการทำงานระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

แหล่งอ้างอิง : https://www.unileverlife.com/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *